วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

การใช้โปรแกรม InAlbum 3.2 Deluxe

คู่มือการใช้งานโปรแกรม InAlbum 3.2 Deluxe

1.ส่วนที่ 1 : http://taraporn273.blogspot.com/


2.ส่วนที่ 2

Choose a template ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนของการเลือก template ก็คือ แม่แบบให้กับ slide show โดยมีขั้นตอนดังนี้


1. เลือกแม่แบบ
2. เลือกแม่แบบมีอยู่ในโปรแกรมแล้ว ตามที่ต้องการ

Ex เลือกแม่แบบแบบ Fun &Family > Snake Toy จะปรากฏดังนี้

3. ถ้าหากต้องการที่จะ Download Template เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่แล้วอินเตอร์เน็ตของ Web site http://www.increditools.com/ โดย คลิกที่ปุ่มการ Download ด้านล่าง เพื่อเข้าสู่ Web site

1. Add Photo เป็นการAdd photo จากคอมพิวเตอร์ เพื่อตกแต่งเพิ่มเติม โดยคลิกปุ่ม จะปรากฎ ดังรูป



ส่วนถ้ารูปที่ได้ Add photo เข้ามามีขนาดใหญ่ สามารถปรับขนาด ความโน้มเอียงของภาพได้ และการปรับค่าต่าง ๆ



ผลลัพธ์



2. Add Video นำ Video จากคอมพิวเตอร์ แล้ว Import Video จากคอมพิวเตอร์ แล้วเลือกแล้วจะปรากฏดังรูป


จากนั้น เลือก ป้ายชื่อ Effect ปรับค่าต่าง ๆ ได้ตามต้องการ


แล้ว เลือก ป้ายชื่อ Control เพื่อทำการปรับแต่งกรอบให้กับ Video เลือกได้ตามต้องการ เช่น เลือก Cartoon > Bug Toy


ผลลัพธ์



3. Add Sound เป็นการเพิ่มเสียงให้กับรูปภาพ


ผลลัพธ์



4. Add GIF Animation เป็นการ Add Animation ใส่ในภาพ เมื่อเลือกภาพเรียบร้อยแล้ว จะปรากฏการปรับค่าให้กับภาพ

  • Play immediately เป็นการปรับค่าการปรากฏของภาพเป็นปกติ

ผลลัพธ์


  • Play after เป็นการปรับค่าในการปรากฏภาพขึ้นมา โดยจะมีเวลาในการปรากฏ โดยในที่นี้ ตั้งค่า เป็น 2 sec


ผลลัพธ์


5. Add Text Animation เป็นการเพิ่มข้อความให้กับภาพ โดยการตั้งค่า ดังนี้


  • Text เป็นการพิมพ์ข้อความที่จะให้ปรากฏ และปรับค่ารูปแบบข้อความ เช่น ขนาด สีของข้อความ เป็นต้น Shadow เป็นการกำหนดเส้นให้กับตัวอักษร โดยกำหนดว่า จะให้สีอะไร

ผลลัพธ์



การเพิ่ม Effect ทางด้านขวามือ

  • Clip Art เป็นการเพิ่ม Effect ให้กับรูปภาพ โดยเลือกภาพที่ต้องการลากมาใส่ในรูปภาพ และสามารถรูปภาพได้

    Ex เลือก Effect Dress Up > Glasses โดยคนแรกจะเพิ่ม Effect โดยใส่แว่นให้กับรูปภาพ ส่วนคนที่สองจะเพิ่ม Effect โดยเลือก Facial Fun > Cry


    ผลลัพธ์

  • Speech Bubble เป็นการเพิ่ม Effect ให้กับข้อความจะแตกต่างจากกับ Add Text Animation ก็คือ มีการใส่กรอบให้กับข้อความ และสามารถปรับค่าได้ตามต้องการ


โดย Text เป็นการพิมพ์ข้อความที่จะให้ปรากฏ โดยสีตัวแรก จะเป็นการเปลี่ยนสีให้กับกรอบรูป และตัวอักษร ส่วนสีตัวที่สอง เป็นการเปลี่ยนสีให้กับภาพหลังของกรอบรูปด้านใน


ผลลัพธ์

  • Sound เป็นการเพิ่มเสียงให้กับรูปภาพจะแตกต่างจากการ Add Sound ถ้าเป็นการ Add Sound จะนำเสียงมาจากคอมพิวเตอร์ แต่การใส่ Sound นี้จะเป็นการนำเสียงมาจากที่ได้ปรากฏไว้ในโปรแกรม


    Ex เลือก Sound > Crowd Sound > Wow

ผลลัพธ์

  • Record Voice เป็นการ Import เสียงเพลง จากคอมพิวเตอร์ เหมือนกับการ Add Sound


Set Show setting ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้าย เป็นการตั้งชื่อให้กับ Title ที่โชว์ , เพิ่ม Music , การตั้งค่าเวลาในการเล่นสไลด์โชว์


  • Show Title เป็นการตั้งชื่อให้ชื่อสไลด์โชว์
    - Directed by เป็นการตั้งชื่อผู้สร้าง
    - Starring เป็นการปรับค่าต่าง ๆ


  • Music เป็นการเพิ่มเสียงให้กับสไลด์โชว์



ถ้าเลือกป้ายชื่อ Combine เลือกเพลงที่ต้องการ วิธีการนี้จะเป็นการได้เพลงแบบเต็มเพลง แต่ถ้าต้องการที่จะเลือกเฉพาะท่อนที่ต้องการให้เลือก ป้ายชื่อ Split แล้วเลือกเพลงที่ต้องการ โดยเลื่อน Start และ End ให้ตรงตามความต้องการของเนื้อเพลงที่ต้องการ



  • Thumbnail เป็นการเลือกแม่แบบใหม่ให้กับสไลด์โชว์


  • Photo transition delay เป็นการกำหนดช่วงเวลาให้กับสไลด์โชว์

เมื่อเสร็จแล้วให้เลือก Finish Editing จะปรากฏหน้าต่างของสไลด์โชว์ให้ แต่ถ้าไม่ตรงกับความต้องการให้เลือก Edit Show เพื่อกลับไปแก้ไขในสิ่งที่ไม่ตรงกับความต้องการ


ผลลัพธ์




3. ส่วนที่ 3 : http://orapranblog.blogspot.com/

4. ส่วนที่4 : http://bbeesstt77.blogspot.com/


วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ธุรกิจกับสื่อมัลติมีเดีย

4G เทคโนโลยีในฝัน
โดย.....ดร. เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ในอดีตเมื่อคุณชมภาพยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น การพูดคุยผ่านอุปกรณ์สื่อสารโดยเห้นหน้าฝ่ายตรงข้ามที่พูดด้วย รวมถึงการที่ภาพของคู่สนทนาปรากฏตัวอยู่หน้าเราเสมือนเขาอยู่ ณ. ที่นั้นด้วยจริงๆ คุณเคยคิดอยากให้มีใช้ในโลกของความเป็นจริงบ้างหรือเปล่า ? หรือคิดว่าไม่มีทางเป็นจริงได้ ?
คุณรู้หรือไม่ว่า เทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบันสามารถทำได้ใกล้เคียงกับภาพยนตร์ที่คุณเคยชม ด้วยเทคโนโลยีในยุด 4G ( Fourth Generation ) ในอนาคตอันใกล้ภายใน 10 ปีนี้ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุด 1G หรือ " เจนเนอเรชั่นที่ 1 ( First Generation ) " คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นเก่าระบบอนาล็อก ( Analog ) ที่มีน้ำหนักมาก และเสาอากาศที่ยาวเทอะทะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุด 2G ( Second Generation ) ซึ่งถูกออกแบบให้มีการรับสัญญาณเสียงเป็นหลัก และสามารถส่งผ่านข้อความเนื้อหาขนาดเล็กๆ ได้เช่น ระบบจีเอสเอ็ม ( GSM ) ส่วนระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2.5G เป็นระบบที่พัฒนามาจากระบบ 2G ซึ่งสามารถรับส่งข้อมูล ด้วยระดับความเร็วสูงสุดถึง 384 เมกะบิตต่อวินาที เป็นระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันในประเทศไทย และเป็นระบบที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จีพีอาร์เอส ( GPRS ) และเอดจ์ ( EDGE ) ส่วนระบบ 3G ได้พัฒนาระบบให้สามารถรองรับการส่งข้อมูลแบบมัลติมีเดีย ด้วยระดับความเร็วสูงสุดถึง 2 เมกะบิตต่อวินาที และรองรับการบริการต่างๆ ท้งหมดของโทรศัพท์ยุดก่อนๆ รวมไปถึงสมรรถนะและคุณภาพของการบริการมีมากขึ้น บริษัทเอ็นทีทีโดโดโม บริษัทระดับแนวหน้าในอุตสหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประเทศญี่ปุ่นได้นำเอาอุปกรณ์ในระบบ 3G ไปติดตั้งไว้ในรถยนต์เพื่อป้องกันการโจรกรรม ด้วยอุปกรณ์ของบริษัทจะทำให้สามารถตรวจเช็คได้ว่ารถยนต์คันนั้นขณะนี้อยู่ที่ใดด้วยเทคโนโลยี จีพีเอส ( GPS : Global Positioning System ) หรือผูกติดไว้กับสัตว์เลี้ยงของคุณ เช่น ติดไว้กับสร้อยคอสุนัขเพื่อป้องกันสุนัขหลงทางหรือสูญหายปัจจุบัน ประเทศไทยให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 2.5G หรือ " เจนเนอเรชั่นที่ 2.5 ( 2.5-Generation ) " ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่ระบบ 3G การที่ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ยุด 3G ได้อย่างชัดเจนนั้น มีเหตุผลหลัก คือ การลงวทุนที่สูงมาก และในขณะนี้หลายประเทศได้เริ่มสร้างมาตรฐานระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุด 4G กันแล้ว และมีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านให้ความเห็นว่า ในประเทศที่ยังไม่ก้าวเข้าสู่ระบบ 3G นั้น สามารถก้าวกระโดดไปสู่ยุด 4G เลยสามารถทำได้ และมีต้นทุนที่ประหยัดกว่าการก้าวไปสู่ยุด 3G ด้วยการวิจัยด้านเทคโนโลยีสำหรับเทคโนโลยี 4G มีระยะเวลาในการวิจัยไปจนถึงปี 2010 จากการวิจัยคาดว่าจะสามารถส่งภาพวีดีโอที่มีคุณภาพเทียบเท่าภาพจากโทรทัศน์ที่มีความคมชัดสูง ซึ่งมีคุณภาพชัดเจนกว่าภาพในโทรทัศน์ปกติถึง 2 เท่าคาดว่าจะให้บริการได้จริงในปี 2010 คุณสมบัติ ของเทคโนโลยี 4G เป็นระบบเครือข่ายแบบไร้สายความเร็วสูงโดยอัตราการรับส่งข้อมูลของระบบ โทรศัพท์อยู่ที่ 50-100 เมกะบิตต่อวินาที เมื่อเปรียบเทียบกับคุณสมบัติของเทคโนโลยี 3G ที่มีข้อเสียตรงที่ราคาแพงพื้นที่การให้บริการจำกัด รวมถึงอายุใช้งานแบตเตอรี่สั้นทำให้บริษัทชั้นนำด้านระบบโครงข่ายของประเทศ สหรัฐอเมริกาหลายบริษัทได้เริ่มมีการศึกษาระบบที่จะสามารถรองรับเทคโนโลยี นี้ การพัฒนาระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุด 4G ได้มีการพัฒนาโดยเน้นเรื่องการรักษาความปลอดภัย โดยการนำไบโอแมทริกซ์มาผสมผสานทำให้สามารถซื้อขายกันได้โดยผ่านโทรศัพท์ เคลื่อนที่ หรือ โมบาย อินเทอร์เน็ต ( Mobile Internet ) และยังสามารถหักบัญชีเงินในธนาคารเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสินค้า หรือบริการได้ทันที ระบบไบโอแมทริกซ์ จึงเข้ามามีบทบาทอย่างมากในธุรกิจในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะเห็นอย่างชัดเจนในยุดโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G นั้นคือในธุรกิจโมบาย คอมเมิร์ช ( Mobile Commerce ) นั้นเอง ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับสื่อมัลติมีเดีย นับเป็นกลุ่ม ซอฟต์แวร์ที่ถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบ 4G โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลถูกพัฒนา ให้สูงกว่า 100 เมกะบิตต่อวินาทีตัวอย่างเช่น อาจดาวน์โหลดไฟล์วีดีโอมาไว้ในรถยนต์ ก่อนออกเดินทางไกล เพื่อว่าจะได้มีหนังดีๆ รวมทั้งข้อมูลการท่องเที่ยวไว้ดูบ้างในระหว่างเดินทาง นั้นคือ ธุรกิจ ซอฟต์แวร์ เฮ้าส์และธุรกิจเกียวกับการสร้างคอนเทนท์ในระดับเอสเอ็มอีที่มีความคิดสร้าง สรรค์ ก็จะมีโอกาสในธุรกิจสื่อมัลติมีเดียบนอุปกรณ์สื่อสาร เคลื่อนที่เป็นอย่างมาก ลองนึกภาพ การที่คุณสามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อซื้อน้ำอัดลมจากตู้ขายอัตโนมัต ืใช้โทรศัพท์เครื่องเดียวกันสั่งซื้ออัลบั้มเพลงล่าสุดและดาวน์โหลดลง เครื่องเล่นเอ็มพี 3 ได้โดยตรงหรือการที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้คอมพิวเตอร์พกพาเพื่อหาจองโรงแรม ที่ใกล้ที่สุด และราคาเหมาะสมที่สุด ขณะที่นั่งรถแท็กซี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุด 4G จะมีความสามารถและสมรรถนะสูงมาก ในระดับที่สามารถชมภาพวีดีโอกันแบบสดๆ ได้ พร้อมคุณภาพระดับดีวีดีตามการเปิดเผยของซัมซุงเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จทางซัม ซุงได้เพิ่มบุคลากรในแผนกอาร์แอนด์ดี ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบ 4G แล้ว มีการคาดหวังถึงความสะดวกสบาย และประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ เมื่อบริการ เอ็ม - คอมเมิร์ซ บนระบบ 4G จะเป็นที่ยอมรับ และแพร่หลาย ทำให้เกิดแนวคิดมากมายในการทำ เอ็ม - คอมเมิร์ซ เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด เช่น แนวคิดเกี่ยวกับการกระจายข้อมูลออกไปในระยะใกล้โดยมีเป้าหมายคือผู้บริโภคที่มีอยู่ในบริเวณนั้นๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเดินผ่านร้านขายสินค้าอีเล็กทรอนิกส์ คุณอาจจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ๆ ที่มีจำหน่ายในร้าน และคุณก็สามารถที่จะตรวจสอบราคาสินค้า เปรียบเทียบราคากับร้านอื่นๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกที่สุด หรือเมื่อคุณนั่งรถไฟฟ้าผ่านสถานที่ท่องเที่ยวโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G ของคุณจะได้รับแผนที่อีเล็กทรอนิกส์ของบริเวณนั้นบนจอของคุณ อีกทั้งข้อความโฆษณาของโรงแรมหรือที่พักที่อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ เป็นต้น
ขณะนี้ ประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีจับมือกันแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี หวังสร้างมาตรฐานร่วม 4G แห่งเอเซีย โดยชูตุณสมบัติเด่น รับส่งข้อมูล 100 เมกะบิตต่อวินาที พร้อมเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยอาศัยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล เวอร์ชั่น 6 หรือ " ไอพีวี6 " ( IPv6 ) ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้พัฒนาขึ้นเป็นรายแรก และมีแผนที่จะผลักดันให้กลายเป็นมาตรฐานระดับโลก จะเห็นได้ว่าตอนนี้เหล่าผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และนักพัฒนาเริ่มตื่นตัวกับเทคโนโลยีใหม่กันแล้ว และดูเหมือนการแข่งขันที่เกิดขึ้นจะรุนแรงกว่า 3G มากจนทำให้การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปอีกแล้วแต่น่าจะเป็นลักษณะการเคลื่อนไหวแบบก้าวกระโดด.........